อัพเดทข่าวสาร ตลอดจนถึงเทคนิคและแนวทางการทำเกษตรอินทรีย์
- 13
- September
- 2022

การเลี้ยงผึ้งโพรงไทยแบบธรรมชาติ(Organic honey from Thai Bees)
ผึ้งโพรงคืออะไร ? ผึ้งโพรง เป็นผึ้งพันธุ์พื้นเมืองที่มีมาแต่ดั้งเดิมในประเทศไทย ชอบอยู่อาศัยตามโพรงไม้หรือโพรงดินจอมปลวกในป่าตามธรรมชาติ ตัวไม่ใหญ่มากมีนิสัยไม่ดุร้าย ในอดีตบรรพบุรุษของเราได้มีการสังเกตเห็นลักษณะการอยู่อาศัยของผึ้งชนิดนี้ เลยได้มีการทำรังเลียนแบบโพรงไม้ในธรรมชาติเพื่อล่อให้ผึ้งย้ายเข้ามาอยู่อาศัย ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งได้โดยง่าย โดยการทำรังผึ้งแบบสมัยก่อน จะมีการนำท่อนไม้กลมมาเจาะคว้านให้เป็นโพรงด้านใน แล้วทำฝาปิดทั้งข้างล่างและข้างบน จากนั้นก็ทำการเจาะรูเล็กๆเพื่อเป็นทางให้ผึ้งได้บินเข้าออก เมื่อโพรงไม้เริ่มหายากขึ้น ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาทำรังแบบใหม่โดยการใช้ไม้แผ่นมาประกอบเป็นลักษณะกล่องสี่เหลี่ยมโดยมีทั้งแบบเปิดฝาด้านบน แบบเปิดฝาด้านข้าง และกระทั่งท่อปูนผึ้งก็สามารถเข้ามาทำรังอยู่อาศัยได้ เทคนิคการเลี้ยงผึ้งโพรงมีอะไรบ้าง สำหรับการเลี้ยงผึ้งโพรงไม่ได้มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษมากนัก เพียงแค่ทำตามปัจจัยคร่าวๆ ดังนี้ นำรังผึ้งไปวางในจุดที่ไม่โดนแดดจัด(โดนแดดเช้าได้) ไม่ให้น้ำฝนสาดเข้ารังได้ และไม่ให้โดนกระแสลมแรงๆโดยตรง มีดอกไม้ให้ผึ้งได้เก็บเกี่ยวน้ำหวานเพื่อนำไปเป็นแหล่งพลังงานและมีเกสรดอกไม้เพื่อไว้ให้ผึ้งได้เอาไว้เลี้ยงตัวอ่อนอย่างเพียงพอ มีแหล่งน้ำที่สะอาดให้ผึ้งกิน ถ้ากรณีเป็นแหล่งน้ำสาธารณะที่หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนไม่ได้ แนะนำให้นำภาชนะ เช่น วงท่อซีเมนต์ บรรจุน้ำสะอาดไว้เป็นจุดๆในบริเวณที่่ผึ้งอยู่อาศัย ที่สำคัญที่สุดคือในพื้นที่ที่ทำการเลี้ยงผึ้งต้องไม่ใช้สารเคมียาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงโดยเด็ดขาด ศัตรูของผึ้งโพรงมีอะไรบ้าง ? ผึ้งโพรงไทยมีความแข็งแรงสามารถต้านทานศัตรูจากธรรมชาติได้ดีพอสมควรอยู่แล้ว(ไม่เหมือนผึ้งพันธุ์ฝรั่งที่ผู้เลี้ยงจะต้องหมั่นฉีดยากันไรอยู่เป็นประจำ) สำหรับศัตรูที่จะต้องระวังเป็นพิเศษในการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย มีดังนี้ มดชนิดต่างๆ โดยเฉพาะมดแดงที่ชอบบุกรุกรังกินทั้งตัวอ่อนทั้งตัวผึ้ง จนผึ้งต้องอพยพย้ายรังหนี สามารถป้องกันได้ด้วยการทำฐานรองรังผึ้งที่ดีไม่ให้มดไต่ขึ้นได้ ผีเสื้อกลางคืน ที่ชอบเข้าไปวางไข่ หนอนของผีเสื้อจะชอนไชกินรังผึ้งจนเสียหายได้ ข้อนี้จะมีปัญหาเฉพาะเวลาที่ผึ้งในรังอ่อนแอเท่านั้น ตัวต่อ จะกินทั้งตัวผึ้งและตัวอ่อนของผึ้ง สามารถแก้ด้วยการใช้น้ำผึ้งผสมน้ำใส่ขวดวางไว้แถวๆรังผึ้ง เพื่อล่อให้ตัวต่อตกลงไปในขวด จิ้งจก จะชอบไปดักกินผึ้งที่ทางเข้ารัง แก้ปัญหาด้วยการทำความสะอาดบริเวณรอบรังผึ้งให้โล่งไม่มีที่หลบซ่อน What is […]
read more- 16
- April
- 2022

ทำอย่างไรให้อายุยืน
มีผู้คนจำนวนมากที่อยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ใช้ชีวิตติดประมาทไม่ดูแลร่างกายตัวเองให้ดี เมื่อถึงเวลาก็สายเกินไปแล้วที่จะกลับมาแก้ไข และสิ่งสำคัญในการมีอายุที่ยืนยาวก็คือ การมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ดังที่มีคนกล่าวไว้ว่า “การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ” นั่นเอง คือถ้าอายุยืนแต่ดันเจ็บออดๆแอดๆสามวันดีสี่วันไข้ไปโรงพยาบาลแทบทุกวัน แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เคล็ด(ไม่)ลับอายุยืน : – ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างเช่น พวกผักผลไม้ปลอดสารพิษ ข้าวก็แนะนำเป็นข้าวกล้องเพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง(จะสังเกตุได้ว่าผู้เฒ่าผู้แก่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบท(ในสมัยก่อน)ที่กินปูกินปลากินผักริมรั้ว จะมีชีวิตที่ยืนยาวมากกว่าคนเมือง) – งดรับประทานของดิบทุกชนิด เพราะมีทั้งเชื้อโรคและพยาธิ – งดรับประทานอาหารหมักดองทุกชนิด – เลิกดื่มสุราและเลิกสูบบุหรี่ – งดดื่มน้ำอัดลม หรือของที่มีปริมาณน้ำตาลเยอะ เพราะน้ำตาลเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราแก่เร็วขึ้น – ใช้การกินอาหารให้เป็นยา ด้วยการนำสมุนไพรหรือพืชผักที่เหมาะกับสภาวะร่างกายของเราในเวลานั้นๆแทรกไปในเมนูอาหารแต่ละมื้อ เช่น ลวกจิ้มน้ำพริก หรือทำเป็นชาดื่ม เป็นต้น – การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีอายุยืนได้ – ไม่ควรทำงานหนักจนเกินไป เพราะการหักโหมมากๆจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและทรุดโทรม – การนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8ชั่วโมง. วิธีนี้จะทำให้ร่างกายสดชื่นแจ่มใส (จะเห็นได้ว่าคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายโทรม หน้าตาไม่สดชื่น เพราะร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้) – ไม่ควรเครียดกับชีวิตมากเกินไป ควรปล่อยวางใจลงบ้าง ถือไว้เยอะเกินก็หนัก แค่ปล่อยก็เบา […]
read more- 18
- January
- 2021

การเลี้ยงไก่แบบปล่อยธรรมชาติ/Free range chicken
เลี้ยงไก่แบบปล่อยตามธรรมชาติเพื่อป้องกันปลวกขึ้นบ้าน บ้านของคนไทยในสมัยก่อนจะเป็นบ้านไม้ และในเวลานั้นยังไม่มีการใช้สีย้อมไม้ สีเคลือบไม้ ไม่มีการใช้สารเคมีกันปลวกกันแมลงใดๆในการสร้างบ้าน ดังนั้นถ้าหากนำไม้ที่มีอายุไม่แก่พอมาสร้างบ้าน ก็มักจะมีปลวกมาทำรังบริเวณบ้านและคอยกัดกินไม้ในบ้านจนผุพัง โดยเฉพาะในจุดที่มีความชื้นสูง คนไทยในสมัยโบราณนั้นมีภูมิปัญญาที่ชาญฉลาด สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆด้วยการเลี้ยงไก่รอบๆบริเวณบ้าน เพื่อให้ไก่คอยคุยเขี่ยจิกกินปลวกหรือแมลง ซื่งในบ้างบ้านได้มีการเลี้ยงไก่ไว้ใต้ถุนบ้านเลยด้วยซ้ำ ทำให้บ้านไม่ผุพังเสียหายจากการถูกปลวกกินอย่างแน่นอน เลี้ยงไก่แบบปล่อยเพื่อประหยัดค่าอาหาร การที่เราปล่อยให้ไก่ได้คุ้ยเขี่ยหาอาหารกินเองตามธรรมชาติ จะทำให้เราประหยัดค่าอาหารและทำให้ไก่มีสุขภาพดีอีกด้วยเพราะไก่ได้วิ่งเล่น ได้บินอย่างเต็มที่ และเมื่ออากาศร้อนไก่ก็จะไปพักบริเวณใต้ต้นไม้ สำหรับที่เป็นไทฟาร์มเราจะไม่ได้ให้อาหารไก่ในช่วงเช้า โดยจะปล่อยให้ไก่ออกจากคอกไปหากินเองตามธรรมขาติ ซื่งภายในสวนถ้าเราไม่ได้ใช้ยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลง ก็จะมีแมลงหลากหลายชนิดให้ไก่ได้จับกิน เช่น ปลวก ตั๊กแตน แมงกะจั๊ว ไส้เดือน มด เป็นต้น เราจะทำการปล่อยไก้ออกจากเล้าประมาณ 8.00 น. จากนั้นประมาณ 16:00 น ก็จะเรียกให้มาเข้าคอก เพื่อกินอาหารเย็นที่เตรียมไว้ ถ้าหากทำเป็นประจำไก่จะรู้เวลากลับ และรู้ตำแหน่งเล้าที่นอนของตนเองเป็นอย่างดีโดยไม่จำเป็นต้องเรียกหรือไล่ต้อนอีกต่อไป และทางเป็นไทฟาร์มยังใช้มุ้งฟ้าล้อมกันยุงในเวลากลางคืนด้วย สำหรับพื้นที่ภายนอก ทางฟาร์มจะมีการตัดแต่งกิ่งไม้ และใบไม้กองทิ้งไว้เป็นจุดๆ เพื่อให้เกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติ เมื่อกองทิ้งไว้ไม่นานจะมีแมลงและปลวกมาอาศัยอยู่ ตรงจุดนี้เองที่เป็นแหล่งอาหารของไก่ และยังเป็นการล่อปลวกให้ไปหากหากินไกลจากตัวบ้านเรือนอีกด้วย สรุป วิธีเลี้ยงไก่แบบนี้ จะทำให้ประหยัดค่าอาหารไก่ ไก่ก็จะแข็งแรงเพราะได้วิ่งได้บินได้คุ้ยเขี่ย และจะเป็นการป้องการปลวกโดนไม่ต้องใช้สารเคมีอีกด้วย Free range […]
read more- 07
- July
- 2019

แก้ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพสูง ของกินแพง ด้วยการพื่งตนเอง
ปัจจุบันเป็นยุคที่คนมีบุตรน้อยลง ในปัจจุบันการที่ครอบครัวหนึ่งๆจะเลี้ยงลูกให้เติบโตได้นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่เหนื่อยหนักเอาการ เพราะอาหารการกินแพง ข้าวของแพง และไม่ว่าจะทำอะไรจะไปที่ไหนก็ดูจะมีค่าใช้จ่ายไปซะทั้งหมด บางท่านถึงขั้นพูดว่า “อย่าว่าแต่มีลูกเลย แค่เลี้ยงตัวเองก็ยังลำบากแล้ว” ในอดีตเป็นยุคที่คนมีบุตรหลายคน เมืองไทยในอดีตในครอบครัวหนึ่งๆ จะมีลูกกันหลายคน ส่วนใหญ่ก็จะมีกันอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป แต่คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่มีหน้าที่การงานดีๆกันได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่มีเทคโนโลยีอะไรมากมาย รถยนต์ในหมู่บ้านอย่างมากก็มีแค่ 1-2 คัน เด็กๆก็เดินหรือปั่นจักรยานไปโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน เรื่องอาหารการกินและการทำงานส่วนใหญ่ก็จะใช้หลักพึ่งพาอาศัยกันภายในชุมชนป็นหลัก ถึงแม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าสมัยก่อนสบายแต่บรรพบุรุษของเราท่านก็ผ่านกันมาได้โดยมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทำไมคนสมัยก่อนถึงมีลูกกันได้เยอะ ? ผมสันนิษฐานว่าสมัยก่อนนั้น ประเทศไทยเรานั้นธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มาก ประชากรสามารถหาของกินตามธรรมชาติได้อย่างไม่ยากเย็นนัก. ในน้ำมีกุ้งหอยปูปลา มีบัว มีกบ มีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำชนิดต่างๆ ในป่ามีไม้ไว้ใช้สอย มีสัตว์ มีผึ้ง มีแมลงชนิดต่างๆ มีเห็ด มีพืชพรรณที่สามารถใช้เป็นยารักษาโรค ในนามีข้าว มีผักบุ้ง ผักกระเฉด มีพืชน้ำให้เก็บไปกินไปแกง ในพื้นดินมีสินแร่ชนิดต่างๆอยู่มากมาย ซื่งการที่มีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ขนาดนั้น แค่ใช้เพียงแค่แรงงานภายในครอบครัวช่วยกันทำมาหากินก็สามารถอยู่รอดได้อย่างเพียงพอแล้ว ทำไมคนปัจจุบันถึงมีลูกกันได้น้อย ? ในยุคปัจจุบันข้าวจานละ 70 ก๋วยเตี๋ยวชามละ70 ถือเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ราคาน้ำมันขึ้น ค่าไฟฟ้าขึ้น ค่าน้ำขึ้น ค่าโดยสารขึ้น […]
read more- 15
- March
- 2019

ข้อดีของการใช้ฟางคลุมโคนต้น
สิบเนื่องจากผู้เขียนได้เดินดูต้นไม้ในสวนในช่วงหน้าแล้งที่ฝนไม่ตกเลย แล้วพบว่าต้นไม้ที่เอาฟางคลุมสามารถเจริญเติบโตได้ดีกว่าต้นที่ไม่ได้คลุม(ต้นคะน้าไชยาเหมือนกัน) จึงได้วิเคราะห์เหตุผล ที่เอาฟางคลุมโคนต้นแล้วพืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยผู้เขียนได้วิเคราะห์สาเหตุออกมาเป็นข้อๆดังนี้ ข้อดีของการใช้ฟางข้าวคลุมโคนต้น ฟางข้าว จะช่วยควบคุมความชื้น ทำให้น้ำที่เรารดไม่ถูกแสงอาทิตย์แผดเผาระเหยไป เมื่อนำฟางคลุม ดินจะมีความชื้น ดินจะนุ่มทำให้รากพืชสามารถชอนไชขยายได้เร็ว และเมื่อรากไปได้เร็วก็ทำให้ต้นไม้โตเร็ว บริเวณใต้ฟาง จะมีแมลงตัวเล็กๆ และมีไส้เดือนมาอยู่เป็นจำนวนมาก (สามารถโรยปุ๋ยคอกแห้งล่อแมลงเหล่านี้ได้) ซึ่งแมลงเหล่านี้เมื่อมาอยู่อาศัยก็จะทำการขับถ่ายลงไปในดิน ทำให้บริเวณนั้นมีธาตุอาหารมากขึ้นโดยปริยาย ฟางที่ย่อยสลาย ก็จะกลายเป็นปุ๋ยได้ในอนาคต จึงเป็นเหตุผลหลักๆเลย ที่ทำให้เราไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมี ข้อควรระวังในการใช้ฟางคลุมโคนต้น ถ้าหากอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกไฟไหม้ไม่แนะนำให้เอาฟางคลุม เพราะฟางอาจจะกลายเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้ไฟแรงขึ้น หรือไม่กฌหาทางหลีกเลี่ยงด้วยการทำแนวกันไฟรอบพื้นที่ครับ
read more- 13
- November
- 2018

กระแสงานในโลกอนาคต
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีหุ่นยนต์ , เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เริ่มเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันเรามากขึ้น อาทิเช่น Facebook ที่เราเลื่อนดูข่าวสารกันอยู่ทุกวี่วันก็ใช้ AI ในการประมวลผลให้โพสที่แสดงขึ้นหน้า Feed มีความเหมาะสมกับเจ้าของเฟสที่สุด ตลอดถึงเทคโนโลยีอินเตอร์เนต แอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เราใช้โอนเงินกันทุกวันนี้ก็สามารถทำผ่านสมาร์ทโฟนได้เเล้ว (สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆก็ถือเป็น AI ชนิดหนึ่ง) เมื่อโอนเงินผ่านมือถือได้ นั่นก็หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปธนาคารเพื่อโอนเงิน หรือจ่ายบิลอีกต่อไป ..เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องไปธนาคาร พนักงานธนาคารก็จะถูกลดความหมายลง ..ขนาดขอสินเชื่อตอนนี้ยังขอผ่านออนไลน์กันแล้ว ในอนาคต มนุษย์จะถูก AI และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ค่อยๆแย่งงานไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น – งานประกอบรถยนต์ที่ใช้หุ่นยนต์ในการประกอบ – เจ้าหน้าที่เค้าท์เตอร์ธนาคาร ที่มีแอพโอนเงินเข้ามาแทน – งานเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ทุกวันนี้มีการเก็บไข่โดยใช้หุ่นยนต์แล้ว – แม้แต่งานนำเสนอข่าวสาร ล่าสุดจีนมีการโชว์เทคโนโลยีประกาศข่าวด้วย AI ลองเข้าไปดูได้ครับ สำหรับเหตุผลที่ผู้ประกอบขนาดใหญ่เลือกที่จะใช้เทคโนโลยีมาแทนแรงงานมนุษย์ เพราะไม่ต้องมาวุ่นวายกับสวัสดิการต่างๆ ไม่ต้องมีปัญหาพนักงานหยุดงานลางาน และที่สำคัญสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในอีกไม่นาน เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้มีราคาถูกลงจะมีข่าวพนักงานถูกปลดออกเป็นจำนวนมาก ซื่งทางรอดก็พอมีอยู่ครับ ในหลากหลายช่องทางขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกทางไหน […]
read more- 09
- October
- 2018

ข้อดีของการปลูกชะอมแบบเพาะเมล็ด
ในการขยายพันธุ์ชะอม จะมีอยู่ 3 แบบ คือ 1. แบบปักชำ 2. แบบตอนกิ่ง 3. แบบเพาะเมล็ด ชะอมเพาะเมล็ดจะมีข้อดี คือมีรากที่แข็งแรง สามารถหยั่งรากหากินได้ลึก จึงทำให้ต้นแข็งแรง สามารถทำนอกฤดูได้ง่ายกว่ากิ่งปักชม จากการทดลองของผม ที่ปลูกทั้งแบบกิ่งชำและแบบเพาะเมล็ด ปรากฏว่าแบบเพาะเมล็ดจะมีลำต้นใหญ่กว่าแบบชำกิ่งอย่างชัดเจน ซื่งการที่ลำต้นใหญ่และแข็งแรงก็ทำให้แตกยอดได้เยอะและเร็วกว่า ..แต่ก็จะมีข้อเสียอยู่เล็กน้อยตรงที่จะโตช้ากว่าแบบชำกิ่ง(ในช่วงแรกเท่านั้น) * ดังนั้นถ้าหากต้องการปลูกชะอมขาย หรือจะทำชะอมนอกฤดูแนะนำให้ปลูกแบบเพาะเมล็ดครับ
read more- 10
- December
- 2017

วิธีทำน้ำหมักโดยไม่ต้องใช้น้ำตาล/กากน้ำตาล
สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้สับปะรดมีราคาตกต่ำมาก เหลือเพียงกิโลละ 1 บาท และยังมีที่ร้านขายสับปะรดให้มาฟรีๆในเวลาที่สับปะรดช้ำ สับปะรดมีตำหนิอีกด้วย ผมจึงนำสับปะรดมาให้วัวกิน แต่ให้กินมากไม่ได้เพราะสับปะรดมีความเป็นกรดสูง กินเยอะๆวัวควายจะท้องอืด ถ้าให้เยอะมากเกินไปอาจถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นผมจึงเอาสับปะรดที่เหลือมาทำน้ำหมักใส่ถังหมักไว้ ..โดยจะเอาไว้ใช้ราดคอกสัตว์เวลาที่มีกลิ่น(ราดคืนเดียวกลิ่นหายเลย) และยังสามารถเอาเนื้อสับปะรดที่หมักไว้ให้วัวกินได้ด้วย ช่วงแรกๆผมก็เอากากน้ำตาลหมักเหมือนๆที่เค้าทำๆกัน ..แต่เผอิญวันนั้น กากน้ำตาลดันหมด ขี้เกียจไปหาซื้อ ผมเลยนึกถึงอ้อยที่ปลูกไว้ ..ว่ามันก็ให้ความหวานเหมือนกัน น่าจะใช้ทดแทนกันได้ ผมก็เลยเอาอ้อยมาทุบๆใส่ในอัตราส่วน สับปะรด 4 ส่วน ท่อนอ้อย 1 ส่วน แล้วก็ใส่น้ำสะอาดให้พอท่วมวัตถุดิบ ..ปรากฎว่าก็ใช้ได้เหมือนกัน…คราวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อกากน้ำตาลอีกต่อไป เพียงแค่เพียงปลูกอ้อยแซมๆไว้ในสวนเท่านั้นเอง วิธีนี้จะเหมาะสำหรับที่ หาซื้อกากน้ำตาลไม่ได้ จะใช้น้ำตาลแทนก็มีราคาแพงครับ
read more- 30
- July
- 2017

ข้อแตกต่างกรณีใช้ปุ๋ยเคมีและการใช้ปุ๋ยอินทรีย์(chemical fertilizer and organic fertilizer)
มีบางท่านที่อาจจะคิดว่ามันไม่น่าจะแตกต่างกันซักเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วมันก็มีข้อแตกต่างกันอยู่ครับ ข้อดีของปุ๋ยเคมี สามารถจัดหาได้ง่ายและง่ายต่อการขนส่ง รวมทั้งใช้งานง่ายเนื่องจากสามารถใช้ในปริมาณที่น้อย ดูสะอาดในสายตาผู้บริโภค สามารถระบุสารอาหารที่พืชต้องการได้อย่างแม่นยำ ปล่อยธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็ว สามารถเร่งอัตราการเจริญเติบโตได้ดีกว่าปุ๋ยอินทรีย์ ข้อเสียของปุ๋ยเคมี ในปัจจุบันปุ๋ยเคมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้เกษตรกรควบคุมต้นทุนให้ต่ำได้ยาก ทำลายโครงสร้างดิน และมีการดึงธาตุอาหารในดินไปใช้อย่างรวดเร็วจนทำให้ดินเสื่อมโทรม เมื่อใช้ต่อเนื่องอย่างยาวนาน จะทำให้ดินแข็ง มีสภาพเป็นกรด และทำให้สัตว์และแมลงที่อาศัยอยู่ในดินมีลดลง แตกต่างจากการปุ๋ยอินทรีย์หรือ ปุ๋ยคอก ที่ทำให้ดินดีขึ้นทุกครั้งที่ใส่ The pros of chemical fertilizers Can be easily procured and easy to transport, as well as easy to use since it’s used only in little quantity Looks clean in the eyes of consumers Can accurately […]
read more- 02
- July
- 2017

9 วิธีงดเหล้าเข้าพรรษา(ทำอย่างไรไม่ให้พรรษาแตก)
9 วิธีงดเหล้าเข้าพรรษา 1. ต้องมีจิตใจตั้งมั่นมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ โดยให้หาแรงจูงใจให้ตัวเองประสบความสำเร็จในการเลิกเหล้าช่วงเข้าพรรษานี้ให้ได้ เช่น ทำเพื่อครอบครัว ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อให้ได้บุญกุศล หรือให้ลองนั่งคิดคำนวณคร่าวๆว่า..ที่ผ่านมาในแต่ละปีที่ผ่านมาคุณหมดค่าเหล้าไปเท่าไหร่แล้วโดยให้คำนวณจากค่าเหล้าที่เคยกินประจำ เช่น ปกติกินกี่ขวด กินบ่อยแต่ไหน ก็จะทราบว่าท่านใช้เงินหมดไปกับของพวกนี้เยอะมาก…จนเกิดเป็นแรงจูงใจที่จะหยุดเหล้าเบียร์ 2. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ก่อให้เกิดความอยากสุรา โดยหลีกเลี่ยงหรืองดไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนกลุ่มที่ติดสุราก่อนก่อน โดยให้เหตุผลว่ากำลังเลิกเหล้าเข้าพรรษาหรือพักตับช่วงเข้าพรรษา..ส่วนใหญ่ถ้าเกิดเป็นคนที่รักคุณจริงๆเขาก็จะเข้าใจคุณครับ 3. หางานอดิเรกทำ แนะนำให้เป็นงานอดิเรกที่คิดอยากจะทำมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีเวลาทำเช่น อยากปลูกผักไว้กินเองในครอบครัว อยากหัดเล่นกีตาร์ อยากเล่นกล้าม เป็นต้น ซื่งคุณสามารถเอาเวลาที่จะไปกินเหล้ามาทำตรงจุดนี้แทน การทำงานอดิเรกที่อยากทำก็จะสามารถช่วยฆ่าเวลา ทำให้เราไม่รู้สึกนึกถึงเหล้าเบียร์ได้ 4. ทานชาสมุนไพรช่วยลดอาการเปรี้ยวปากอยากสุรา สำหรับท่านที่ใจตั้งมั่น แต่ร่างกายมันดันไม่เอาด้วย..ยังมีอาการอยากสุรา ยังมีอาการทรมานกับอาการเปรี้ยวปากอยู่ แนะนำให้ใช้ชาสมุนไพรช่วยลดอาการอยากสุรา/เบียร์ของเป็นไทฟาร์มครับ มีหลายท่านที่เลิกเหล้าหรือลดเหล้าได้ด้วยสมุนไพรตัวนี้(ทำจากสมุนไพรทำให้ไม่เป็นอันตราย) ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่นี่ครับ >> https://www.penthaifarm.com/stop-drink/ 5.ออกกำลังกายและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานอาหารดีๆเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูพลัง และควรทานวิตามินเสริมด้วย เช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี พร้อมทั้งหาเวลาออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง 6.นั่งสมาธิฝึกจิตใจ สามารถทำได้เองที่บ้านหรือจะออกไปหากลุ่มเพื่อนใหม่ๆที่สถานที่ปฏิบัติธรรมก็ได้ ซึ่งตรงนี้จะทำให้ท่านได้เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรเพิ่มมากขึ้น สำหรับท่านที่ทำธุรกิจก็อาจจะได้โอกาสทางธุรกิจได้คอนเนคชั่นเพิ่มขึ้นจากเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ โดยไม่จำเป็นต้องไปเข้าสังคมด้วยการกินเหล้า 7. รู้จักปฏิเสธให้เป็น โดยให้ใช้คำปฏิเสธให้ประนีประนอม เพื่อรักษาน้ำใจเพื่อนไว้ […]
read more